ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กำลังดำเนินอยู่และไม่รู้จะสิ้นสุดเมื่อไหร่ ได้ส่งผลกระทบต่อคนทุกคนบนโลก ซึ่งเป็นความยากลำบากอย่างเหลือล้น ทั้งผลกระทบด้านรายได้ การจ้างงาน การส่งออก การท่องเที่ยว การบิน การศึกษา และ ทางด้านสุขภาพ
วันนี้ได้มีโอกาสเยี่ยมเยียน “วิสาหกิจชุมชนกลุ่มปลูกผักปลอดภัยสารพิษ” ที่ได้รับการบอกเล่าจากเจ้าหน้าที่พัฒนาโครงการฯ จ.นครศรีธรรมราช มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ว่าแม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะสร้างความลำบากอย่างมาก แต่สมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ สามารถรับมือและดำเนินชีวิตได้ด้วยการสร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร
“วิสาหกิจชุมชนกลุ่มปลูกผักปลอดภัยสารพิษ” ต.เขาพระบาท อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช เป็นกลุ่มที่เกิดจากการรวมตัวกันของสมาชิก เริ่มแรกเป็นการรวมกันออมเงินและหลังจากนั้นก็ได้ร่วมกันทำปุ๋ยหมักและน้ำหมักชีวภาพไว้ใช้ในการเพาะปลูก เพื่อลดต้นทุนการใช้สารเคมีที่มีราคาค่อนข้างสูง ซึ่งมูลนิธิศุภนิมิตฯ ได้เข้ามามีส่วนในการสนับสนุนทั้งแนวคิด วัสดุ อุปกรณ์ และการบริหารจัดการกลุ่ม จนปัจจุบันทางกลุ่มมีกิจกรรมที่ได้ดำเนินการหลายอย่าง อาทิ การทำปุ๋ยหมักชีวภาพ การทำน้ำหมักชีวภาพ การเพาะเห็ด การเลี้ยงจิ้งหรีด การเลี้ยงปลาดุก การเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ การทำปลาดุกร้าและการทำกล้วยฉาบ ทั้งใช้ในกลุ่มสมาชิกและการจำหน่าย
“ด้วยชุมชนของเรามีอาชีพหลักๆ คือ การปลูกผัก ซึ่งที่ผ่านมามีการใช้ปุ๋ยและสารเคมีฆ่าแมลงและกำจัดศัตรูพืชก่อให้เกิดผลกระทบที่ตามมาหลายอย่าง เช่น ปัญหาต้นทุนการผลิตที่สูง ปัญหาดินที่เสื่อมโทรม ผลผลิตที่ได้ลดลงและที่สำคัญ คือ ปัญหาทางด้านสุขภาพที่ได้รับผลกระทบจากการใช้สารเคมี” คุณสุกานดา ทองใสพร คณะกรรมการวิสาหกิจชุมชนฯ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เมื่อถามถึงผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผ่านมา คุณธนพล เกราะแก้ว คณะกรรมการวิสาหกิจชุมชนฯ เล่าให้เราฟังว่า “ผลกระทบที่เราได้รับส่วนมากเป็นเรื่องทางสังคม การเดินทาง การพบปะผู้คน ซึ่งไม่สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม ตามวิถีการดำเนินชีวิตแบบปกติใหม่ และอาจจะมีผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจบ้าง รายได้จากการจำหน่ายสินค้าอาจไม่ดีเท่าเดิมก่อนเกิดโควิด-19 แต่ครอบครัวสมาชิกเราสามารถอยู่ได้สบายครับ เพราะกลุ่มเราสนับสนุนให้สมาชิกมีอาชีพเสริมในครัวเรือน ไม่ว่าจะเป็นการปลูกผักไว้รับประทาน การเลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ เพาะเห็ด สมาชิกทุกคนไม่จำเป็นต้องออกไปตลาดเพื่อซื้อสินค้า เพราะทุกคนเหมือนมีตู้เย็นข้างบ้านอยู่แล้ว”