close

This option is currently not available

Close close
‘แหล่งอาหารมั่นคงปลอดภัย’ ครอบครัวมีสุขชุมชนเข้มแข็ง

แหล่งอาหารมั่นคงปลอดภัย ครอบครัวมีสุขชุมชนเข้มแข็ง

โครงการการดำรงชีวิตเพื่อความมั่นคงในชุมชน โดย ‘โบอิ้ง’ ร่วมกับ มูลนิธิศุภนิมิตฯ

ข้อมูลจากสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2566 ระบุว่า ต่อครัวเรือนมีค่าใช้จ่ายเฉพาะหมวดอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์สูงถึง 7,517 บาท คิดเป็น 67.5% ของรายได้ต่อเดือนต่อครัวเรือนของกลุ่มครัวเรือนฐานราก หรือกลุ่มคนจนที่สุด ที่มีรายได้ครัวเรือนเพียงแค่ 11,135 บาทต่อเดือนต่อครัวเรือน (สำนักงานสถิติแห่งชาติ) ข้อมูลเหล่านี้ยืนยันได้ว่า...ครัวเรือนฐานราก กลุ่มคนที่จนที่สุด กำลังเผชิญกับวิกฤตที่ยากลำบาก ในสภาวะเช่นนี้ อาหารคือสิ่งที่ครัวเรือนเลือกลดให้เหลือน้อยที่สุดเป็นลำดับแรก ในขณะที่เด็กและเยาวชนเมื่อเห็นพ่อแม่ต้องอยู่ในภาวะยากลำบาก ความคิดและสิ่งที่เด็กและเยาวชนจะเลือกลงมือปฏิบัติคือ หยุดชีวิตการเรียนเพื่อออกมาทำงานช่วยเหลือครอบครัว ซึ่งจะส่งผลกระทบสู่โอกาสในการพัฒนาต่างๆ ของเด็กและเยาวชนด้วย

ในบทบาทของการดำเนินงานเพื่อการพัฒนาโดยมีเด็กเป็นหัวใจหลัก มูลนิธิศุภนิมิตฯ ตระหนักและเล็งเห็นถึงปัญหาความมั่นคงทางอาหาร รวมถึงผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพเพิ่มสูงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัญหาสำคัญเหล่านี้จะส่งผลให้ครอบครัวเด็กที่ยากจนอยู่แล้วต้องดำเนินชีวิตที่ยากลำบากมากยิ่งขึ้น จึงเร่งดำเนินงานพัฒนาคุณภาพชีวิตของครอบครัวที่ด้อยโอกาส ยุติวงจรแห่งความยากจน พร้อมสนับสนุนให้ครอบครัวมีแหล่งอาหารที่ปลอดภัย

มูลนิธิศุภนิมิตฯ โดย โครงการพัฒนาฯ จ.น่าน จึงได้ ร่วมกับ สำนักงานเกษตร อ.สองแคว จ.น่านดำเนิน การอบรมเชิงปฏิบัติการ ความรู้การทำเกษตรธรรมชาติ การออกแบบแปลงเกษตร และการคัดเลือกพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์” ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งในการดำเนิน โครงการการดำรงชีวิตเพื่อความมั่นคงในชุมชน ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก บริษัท โบอิ้ง จำกัด โดยมีเกษตรกรกลุ่มเป้าหมาย และเกษตรกรที่เป็นผู้ปกครองเด็กในโครงการอุปการะเด็กของมูลนิธิศุภนิมิตฯ จำนวน 26 ครอบครัว ร่วมเรียนรู้การทำเกษตรธรรมชาติ การออกแบบแปลงเกษตร และการคัดเลือกพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์

ในการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก กลุ่มวิสาหกิจเกษตรทฤษฎีใหม่ ต.ดงมะดะ จ.เชียงราย และเจ้าหน้าที่จาก สำนักงานเกษตร อ.สองแคว จ.น่าน เป็นวิทยากรให้ความรู้ ซึ่งภายหลังการอบรมทุกครอบครัวยังได้รับการสนับสนุนวัสดุ อุปกรณ์การทำการเกษตรที่จำเป็น เพื่อกลับไปใช้ต่อยอดสร้างแหล่งอาหารในครัวเรือน

คุณเกษม กันชัย ผู้จัดการกลุ่มโครงการพัฒนาฯ จ.น่าน และ จ.เชียงราย มูลนิธิศุภนิมิตฯ กล่าวถึงภาพรวมของการดำเนินงานส่งเสริมการมีคุณภาพชีวิตที่ดีผ่านโครงการนี้ว่า “โครงการการดำรงชีวิตเพื่อความมั่นคงในชุมชน จะส่งเสริมให้ชุมชนเกิดความอยู่ดีมีสุข จากการมีแหล่งอาหารที่มั่นคงและปลอดภัย เป้าหมายของโครงการยังรวมถึงการพัฒนาชุมชนให้เกิดความเข้มแข็ง มีการรวมกลุ่ม เราไม่ได้มาสอนเพียงวิธีการทำการเกษตรปลอดภัยเท่านั้น แต่ในกิจกรรมยังมีกระบวนการพัฒนาทางด้านความคิด การเสริมสร้างพลังชีวิตให้รู้จักวางแผนครอบครัว รู้จักการกินการอยู่ เพื่อสร้างความอยู่ดีมีสุข สามารถเลี้ยงดูคนในครอบครัว ถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะเสริมสร้างให้ครอบครัวเข้มแข็ง ขอบคุณ บริษัท โบอิ้ง จำกัด สำหรับการสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร และความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนครับ”

“รู้สึกดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินโครงการฯ นี้ ได้รับความรู้เพิ่มเติมหลายอย่าง ทั้งการเพาะผัก การทำเกษตรแบบไม่ใช้สารเคมี การทำปุ๋ย ซึ่งที่ผ่านมาปุ๋ยจะซื้อ แต่จากการได้มาอบรมวันนี้ ทำให้เรามีความรู้ซึ่งเราสามารถทำปุ๋ยเพื่อใช้ในการทำการเกษตรของเราเอง และในส่วนที่เป็นผู้นำชุมชนก็จะนำความรู้ที่ได้รับไปต่อยอดขยายผลกับครอบครัวอื่นๆ เพื่อให้เป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ ต่อไปค่ะ” คุณราตรี ทองสุข ตัวแทนเกษตรกร และผู้นำชุมชน ที่เข้าร่วมกิจกรรม กล่าว

ในฐานะวิทยากรที่มาร่วมให้ความรู้ คุณรจนา เขื่อนขัน ประธานกลุ่มวิสาหกิจเกษตรทฤษฎีใหม่ ต.ดงมะดะ จ.เชียงราย กล่าวว่า “ปัจจุบันสิ่งที่เราให้ความสำคัญ คือความมั่นคงและความปลอดภัยทางอาหาร เพราะเกษตรกรหันไปทำการเกษตรการปลูกพืชเชิงเดี่ยว ที่มีการใช้ปุ๋ยและสารเคมีจำนวนมากเพื่อให้ได้ผลผลิตที่เพิ่มขึ้น ไม่เพียงจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ซึ่งวันนี้เราได้นำประสบการณ์การทำเกษตรทฤษฎีใหม่ อาทิ การทำปุ๋ยแห้ง ปุ๋ยน้ำ การปลูกผัก การวางแผนผลิตและจำหน่าย เพื่อให้เกษตรกรเปลี่ยนวิธีคิด หากเกษตรกรสามารถทำเกษตรแบบผสมผสาน เกษตรอินทรีย์ ควบคู่กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วยแล้ว จะทำให้เกษตรกรมีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะจะมีความมั่นคงทางอาหาร เข้าถึงแหล่งอาหารที่ปลอดภัย และสามารถพึ่งพาตัวเองได้อย่างยั่งยืน และยังมีส่วนในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมให้คงอยู่ในสภาพที่ดีอีกด้วย”

สอดคล้องกับ คุณวิเชียร วิชัยพันธ์ เจ้าพนักงานการเกษตร สำนักงานเกษตร อ.สองแคว จ.น่าน ที่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “ปัจจุบันการผลิตพืชปลอดภัยนั้น เป็นสิ่งที่เป็นความต้องการของตลาด เพราะผู้บริโภคหันมาดูแลสุขภาพเป็นจำนวนมาก ซึ่งเรามองว่าเป็นโอกาส นอกจากใช้เป็นแหล่งอาหารในครัวเรือนแล้ว ยังเป็นช่องทางในการสร้างรายได้ให้แก่พี่น้องเกษตรกร เป็นโอกาสที่เราอยากให้ครอบครัวที่มีความเป็นอยู่ยากลำบากได้นำไปใช้เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขา”

เมื่อครอบครัวสามารถเข้าถึงแหล่งอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ จะส่งผลให้เด็กๆ ไม่เพียงแต่มีสุขภาพดีเท่านั้น รายได้จากการจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตร ยังจะช่วยสนับสนุนให้เด็กได้ไปโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นการลดความเสี่ยงของเด็กๆ จากการใช้ความรุนแรงในครอบครัวที่อาจจะเกิดจากภาวะกดดันและความเครียดต่างๆ รวมถึงเป็นการป้องกันเด็กจากการถูกแสวงหาประโยชน์อื่นๆ ด้วย