ในพื้นที่อำเภอศรีรัตนะ จังหวัดศรีสะเกษ กำลังเผชิญกับความท้าทายที่ต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน ข้อมูลล่าสุดเผยว่าร้อยละ 70 ของเด็กในพื้นที่อาศัยอยู่กับปู่ย่า-ตายาย เนื่องจากพ่อแม่ต้องไปทำงานต่างถิ่น ส่งผลให้เด็กขาดการดูแลเอาใจใส่จากพ่อแม่โดยตรง
นายวิศิษฎ์ โตชัย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเสื่องข้าว เล่าถึงสถานการณ์ว่า “พื้นที่เราถือว่าเป็นพื้นที่สีแดงในการระบาดของยาเสพติด ด้วยพื้นที่ติดกับหลายอำเภอ และเป็นชายแดนพื้นที่โดยรอบเป็นป่าไม้ ไร่สวน ยาเสพติดระบาดไปถึงเด็กประถมและมัธยม สาเหตุที่เด็กเข้าไปยุ่งกับยาเสพติด จากการประชุมในหลายภาคส่วนพบว่าสาเหตุหนึ่งเกิดจากความอบอุ่นในครอบครัว ช่องว่างระหว่างวัยเพราะเด็กส่วนใหญ่อยู่กับตายาย พ่อแม่ไปทำงานต่างจังหวัด ลูกขอเงินพ่อแม่ ได้ก็ไปมั่วสุมจับกลุ่มกัน”
ด้านนายรัตนสิทธิ์ โสพล ผู้อำนวยการโรงเรียน เล่าเสริมว่า ” ช่วงวัยขึ้น ม.1 ยิ่งเป็นช่วงวัยอยากเรียนรู้ พอจบ ม.3 มีความกล้าที่อยากลองมากยิ่งขึ้น เขาก็ติดเพื่อนเข้าสู่วงจรยาเสพติด ความท้าทายอีกอย่างคือเด็กและเยาวชนย้ายตามผู้ปกครองไปทำงานรับจ้างในพื้นที่อื่น ๆ ทำให้เด็กหลายคนหลุดออกจากระบบการศึกษา”
ปัญหาเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อชุมชนอย่างชัดเจน เมื่อเข้าไปในชุมชนมักจะได้ยินข่าวเยาวชนส่งเสียงดัง อาละวาด บางรายถึงขั้นลักขโมยเพื่อนำเงินไปซื้อยาเสพติด ส่งผลกระทบทั้งทางร่างกาย จิตใจ และพฤติกรรม เด็กจำนวนไม่น้อยขาดวินัย ใช้ความรุนแรง และเริ่มต้นใช้สารเสพติดตั้งแต่อายุยังน้อย
เมื่อเผชิญกับปัญหาดังกล่าว ทุกภาคส่วนในพื้นที่ได้ร่วมกันหาทางออก ผอ. รัตนสิทธิ์ เล่าถึงความพยายามของโรงเรียนว่า “ด้วยโรงเรียนเป็นโรงเรียนขยายโอกาสตั้งแต่อนุบาล-ม.ต้น ที่เราทำอยู่ เหมือนกับเราเลี้ยงไก่ในสุ่ม ทำทุกอย่างเพื่อให้เขาห่างไกลจากยาเสพติด จัดอบรมให้ความรู้ถึงโทษของยาเสพติด จัดกิจกรรมสร้างความตระหนักรู้ เชิญตำรวจ นักจิตวิทยามาร่วมอบรม เราทำในเรื่องให้ความรู้เขา จัดโครงการเพื่อดึงให้เขากลับมาเรียนอย่างน้อยให้เขาได้จบ ม.ต้น เพื่อให้เขาได้มีพื้นฐานมีโอกาสในการศึกษาที่สูงขึ้น”
ด้านองค์การบริหารส่วนตำบลเสื่องข้าวได้ให้การสนับสนุนงบประมาณและจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหา โดยนายกวิศิษฎ์เล่าว่า “ทาง อบต. ให้งบประมาณ จัดกิจกรรมสนับสนุน และในพื้นที่เราคณะครูและชุมชนได้ประชุมวางแผนร่วมกับมูลนิธิศุภนิมิตฯ ในการวางแผนแก้ปัญหาเพื่อให้ลูกหลานเราห่างไกลและหลุดจากวงจรยาเสพติด”
ในส่วนของมูลนิธิศุภนิมิตฯ ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหา โดยได้จับมือกับผู้นำชุมชน อาสาสมัครโครงการฯ สภาเยาวชนโรงเรียนบ้านจานบัว พร้อมทั้งประสานงานกับผู้บริหารโรงเรียนบ้านจานบัว และองค์การบริหารส่วนตำบลเสื่องข้าว เพื่อวางแผนป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ อาทิ จัดกิจกรรม “อบรมให้ความรู้เกี่ยวกับโทษของยาเสพติดแก่เด็กนักเรียน” โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากโรงเรียนและ อบต.เสื่องข้าว ซึ่งดำเนินการโดยทีมวิทยากรจากสถานีตำรวจภูธรอำเภอศรีรัตนะ และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเสื่องข้าว กิจกรรม “การรณรงค์ยุติความรุนแรงทุกรูปแบบ” ร่วมกับนักเรียนโรงเรียนบ้านจานบัว และสมาชิกในชุมชน เพื่อสร้างความตระหนักรู้และเปลี่ยนค่านิยมในการเลี้ยงดูเด็กในระดับครอบครัว และกิจกรรมเดินรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและชุมชน
ทั้งนี้มูลนิธิศุภนิมิตฯ ได้ขยายความร่วมมือไปสู่ระดับอำเภอ โดยร่วมมือกับนายกสมาคมผู้บริหารอำเภอศรีรัตนะ ซึ่งประกอบด้วย 26 โรงเรียนในพื้นที่ดำเนินโครงการพัฒนาฯ และ อบต. 7 แห่ง เพื่อผลักดันแนวทางช่วยเหลือ “กลุ่มเด็กเปราะบาง” ในระยะยาว
หนึ่งในความสำเร็จของการดำเนินงานคือการจัดตั้ง “กองทุนช่วยเหลือเด็กเปราะบางระดับอำเภอ” ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนส่งเสริมให้เด็กในพื้นที่รู้จักการสร้างอาชีพ ได้ฝึกอาชีพในโรงเรียน มีการให้ทุนส่งเสริมการศึกษา และสอนอาชีพต่างๆ เช่น การเลี้ยงไก่ การเพาะเห็ด เป็นต้น
จากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เด็กและเยาวชนในพื้นที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น เด็กที่เข้าร่วมกิจกรรมได้นำความรู้ไปถ่ายทอดต่อให้ผู้ปกครอง เช่น การเลี้ยงไก่ไว้บริโภคและจำหน่ายในชุมชน การปลูกพืชผักสวนครัวต่าง ๆ นอกจากนี้ เด็กบางคนยังได้รับทุนการศึกษาเพื่อเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น ทำให้เด็กและเยาวชนตระหนักรู้ถึงคุณค่าของตัวเอง ความสัมพันธ์ในครอบครัวดีขึ้น มี “บ้าน” ที่อบอุ่นลดปัญหาช่องว่างของช่วงวัย
นายกวิศิษฎ์กล่าวทิ้งท้ายว่า “ขอขอบคุณมูลนิธิศุภนิมิตฯ ที่ให้ความร่วมมือประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประสานงานคนในชุมชน ผู้ปกครอง ให้เห็นถึงปัญหาและร่วมกันแก้ไข ขอขอบคุณมูลนิธิศุภนิมิตฯเป็นอย่างสูงที่ได้ทำให้ชุมชน ให้เด็กที่ขาดโอกาสได้กลับมาอยู่กับครอบครัว เด็กบางคนได้ทุนการศึกษาไปเรียนในระดับสูงขึ้น”
จากวิกฤตที่ดูเหมือนจะไร้ทางออกในช่วงแรก วันนี้ชาวอำเภอศรีรัตนะกำลังร่วมกันเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ ด้วยความร่วมมือของภาคีหลายฝ่าย เด็ก ๆ ในพื้นที่เริ่มได้รับโอกาสใหม่ และหวังว่าจะเติบโตขึ้นอย่างเข้มแข็งในสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้พวกเขาได้พัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ