ค้นหา-ช่วยเหลือ-ดึงกลับ เปลี่ยนชีวิตเด็ก เพื่ออนาคตประเทศ

สอวช. และมูลนิธิศุภนิมิตฯ ร่วมกับ 9 หน่วยงานในจังหวัดสุรินทร์ ร่วมออกแบบการขับเคลื่อนกลไกท้องถิ่นเพื่อช่วยเหลือเด็กหลุดจากระบบการศึกษา

ข้อมูลจาก กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ระบุว่าในปี 2567 ประเทศไทยมีเด็กและเยาวชน 9.8 แสนคน ที่ไม่มีชื่อในระบบการศึกษา ในจำนวนนี้เป็นการรายงานของเด็กกลุ่มใหม่ถึง 391,747 คน สำหรับ จ.สุรินทร์ มีเด็กกว่า 12,000 คนที่ไม่มีชื่ออยู่ในระบบการศึกษา โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กอายุ 15-18 ปี และมีแนวโน้มจะมีเด็กหลุดจากระบบการศึกษาเพิ่มสูงขึ้นจากสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาที่ปะทุมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2568

เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมแก้ไขและป้องกันปัญหาเด็กหลุดจากระบบการศึกษา สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) และ มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ได้ร่วมกันดำเนินงาน โครงการกลไกการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในท้องถิ่นเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษาสำหรับกลุ่มเปราะบาง โดยมี จ.สุรินทร์ เป็นหนึ่งในพื้นที่นำร่องในการผสานความร่วมมือกับกลไกภาครัฐ หน่วยงานปกครองท้องถิ่น ภาคประชาสังคม สถาบันการศึกษา และภาคประชาชน เพื่อให้เกิดการบูรณาการ การใช้ฐานข้อมูลและกลไกท้องถิ่นเพื่อช่วยเหลือเด็กหลุดจากระบบการศึกษา

เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา สอวช. และ มูลนิธิศุภนิมิตฯ ร่วมกับอีก 9 หน่วยงานในจังหวัดสุรินทร์ ได้แก่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์เขต 3 ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอสังขะ องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านจารย์ องค์การบริหารส่วนตำบลตาตุม สำนักงานบริหารเครือข่ายการจัดการศึกษา สังขะ 3 (ตาตุม-จารย์) สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานสุรินทร์ มูลนิธิสุขภาพชุมชน บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสุรินทร์ และโรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม ร่วมลงนามใน บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) โครงการการใช้ฐานข้อมูลและกลไกท้องถิ่นเพื่อช่วยเหลือเด็กหลุดจากระบบการศึกษา โดยได้รับเกียรติจาก นางสาวสุภาวดี ขุมทอง รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 3 พร้อมด้วย นายอาฐินนท์ พึ่งสันเทียะ ผู้จัดการฝ่ายดำเนินพันธกิจภาคสนามกลุ่มพื้นที่ภาคอีสานและภาคใต้ มูลนิธิศุภนิมิตฯ ร่วมลงนามพร้อมผู้บริหารจากหน่วยงานอื่นๆ โดยภายหลังจากการลงนามในบันทึกข้อตกลงฯ ตัวแทนผู้บริหารจากทั้ง 11 หน่วยงานยังได้ร่วมประชุมเพื่อวางแผนการทำงานร่วมกันด้วย

แล้วทำไมการใช้ฐานข้อมูลและกลไกท้องถิ่นเพื่อช่วยเหลือเด็กหลุดจากระบบการศึกษาจึงมีความสำคัญ?

ตัวแทนจากองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านจารย์ อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ได้สะท้อนในการประชุมว่า “ในพื้นที่ อบต.บ้านจารย์ จากฐานข้อมูล Thailand Zero Dropout มีเด็กหลุดจากระบบการศึกษา 66 รายซึ่งอยู่ระหว่างการสำรวจและบันทึกข้อมูล ความท้าทายที่เราพบก็คือข้อมูลยังไม่เป็นปัจจุบัน จากการติดตามเราพบว่ามีทั้งเด็กที่ย้ายที่อยู่อาศัยออกไปจากเขต อบต. และจากการลงพื้นที่เรายังพบเด็กหลุดจากระบบการศึกษาที่ย้ายเข้ามาอาศัยในพื้นที่ อบต. แต่ยังไม่มีการบันทึกในระบบ การบันทึกข้อมูลให้เป็นปัจจุบันจึงมีความสำคัญมากในฐานะเป็นฐานข้อมูลที่เราจะใช้เพื่อการติดตามช่วยเหลือเด็กที่หลุดจากระบบการศึกษาอย่างทั่วถึง”

สอดคล้องกับที่ นางเกศสุดา วงษาภิรมย์ ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาการศึกษา สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดสุรินทร์ ได้ให้ความคิดเห็น “แม้ว่าเราจะมีฐานข้อมูลอย่างเป็นระบบแล้วก็ตาม แต่ในการทำงานจริง โดยเฉพาะในระดับท้องถิ่น เราพบความท้าทายหลายอย่าง ตั้งแต่การสำรวจสถานะของเด็ก เราอาจจะไม่พบเด็กเนื่องจากการย้ายถิ่นฐาน การเสียชีวิต เด็กอยู่ในสถานพินิจ และในแง่ของการให้ความช่วยเหลือและการผลักดันการดำเนินงานในระดับ อบต. ซึ่งบางแห่งก็ยังดำเนินการได้เพียงขั้นการสำรวจสถานะของเด็ก แต่ยังไม่ได้นำไปสู่การจัดการรายกรณีเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนให้เด็กได้เข้าถึงการศึกษา ทั้งการศึกษาภาคปกติ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย ซึ่งมีกลไกจากหน่วยงานภาครัฐของคณะกรรมการ Thailand Zero Dropout รองรับเพื่อสนับสนุนและให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว”

ทั้งนี้ การป้องกันและแก้ไขเด็กหลุดจากระบบการศึกษาถือเป็นวาระแห่งชาติ ในระดับประเทศได้มีการจัดตั้ง คณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็นศูนย์ “Thailand Zero Dropout” ระดับชาติ ภายใต้คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ เป็นประธาน เสริมด้วยหน่วยงานภาคประชาสังคม-เอกชน เพื่อกำหนดนโยบายหลัก ประสานงาน และติดตามผลระดับชาติ มีการเชื่อมโยงข้อมูลเชิงบูรณาการผ่านความร่วมมือของกระทรวงหลักที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พัฒนาระบบกลางและ Thailand Zero Dropout Application โดยกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) พัฒนาและสนับสนุนระบบสารสนเทศ ในการรวบรวมข้อมูลเด็กและเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษา รวมถึงยังมีคณะอนุกรรมการระดับจังหวัด-ท้องถิ่น โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นหัวหน้าคณะทำงานร่วมกับหน่วยงานระดับจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทำหน้าที่ติดตาม เยี่ยมเยียน และดำเนินการช่วยเหลือเด็กที่หลุดจากระบบการศึกษา

“จากระดับนโยบายของประเทศ ด้วยระบบฐานข้อมูลกลางที่ได้พัฒนาขึ้น การร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ จากทั้ง 11 หน่วยงานในครั้งนี้ จะนำไปสู่การประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในระดับจังหวัดและท้องถิ่นในพื้นที่ จ.สุรินทร์ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงข้อมูล พัฒนากลไกในการ ค้นหา เด็กและเยาวชนกลุ่มเสี่ยง รวมถึงเด็กและเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษา โดยมุ่งเน้นการใช้ฐานข้อมูลเป็นเครื่องมือในการระบุปัญหา วิเคราะห์สถานการณ์เพื่อ ช่วยเหลือ ร่วมถึงการออกแบบแนวทางการสนับสนุนการจัดการรายกรณีเพื่อ ดึงกลับ สู่โอกาสทางการศึกษาของเด็ก โดยเฉพาะในพื้นที่ตำบลตาตุมและตำบลบ้านจารย์ อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ซึ่งจะเป็นพื้นที่นำร่องในการดำเนินการ” คุณปลื้มปีติ เหลืองสุวิมล Policy Model Project Coordinator มูลนิธิศุภนิมิตฯ กล่าวถึงเป้าหมายในการขับเคลื่อนเพื่อป้องกันและลดปัญหาเด็กหลุดจากระบบการศึกษาที่จังหวัดสุรินทร์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ป้ายกำกับ
Child Rights Climate Change CSR Migrant SDG กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มอาชีพ การจัดการภัยพิบัติ การตีตราและเลือกปฏิบัติ การพัฒนาสถานศึกษา การมีส่วนร่วมของเด็ก ครอบครัวสุขสันต์ ความยั่งยืน ความยุติธรรมในสังคม ความยุติธรรมในสังคม (Social Justice) ความรับผิดชอบต่อสังคม ความรุนแรงต่อเด็ก ความเชื่อและการพัฒนา งานรณรงค์เพื่อเด็ก จิตอาสา ทักษะชีวิตเยาวชน ทักษะอาชีพเยาวชน นโยบายการพัฒนาเด็ก น้ำเพื่อชีวิต บริการสุขภาพขั้นพื้นฐาน บริจาคทุนการศึกษา บริจาคเงิน ปกป้องคุ้มครองเด็ก ประชากรข้ามชาติ ผู้นำเยาวชน พัฒนาชุมชน ภัยพิบัติ ยุติวัณโรค/End TB ยุติเอดส์/Stop AIDS สังคมแห่งการแบ่งปัน สิทธิมนุษยชน สิทธิเด็ก ส่งน้องจบ ป-ตรี อดีตเด็กในความอุปการะ เด็กข้ามชาติ เด็กยากไร้ เด็กไร้รัฐ เสียงเด็กและเยาวชน แรงงานข้ามชาติ/ประชากรข้ามชาติ แรงงานต่างชาติ

ข่าวอื่นๆ

0