“สวัสดีครับ ผมนายศาศวัต หรือเรียกว่ามิ่งก็ได้ครับ ครั้งนี้เป็นประสบการณ์การเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรกของผม ได้ไปประเทศอินโดนีเซีย เป็นตัวแทนกรรมการสภาเด็กและเยาวชนมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ไปร่วมใน 2025 Regional Children’s Consultation for the 2nd ASEAN Plan of Action on the Elimination of Violence Against Children (RPA-EVAC) เป็นการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อการปรึกษาหารือของเด็กระดับภูมิภาคอาเซียนเพื่อนำไปสู่การจัดทำแผนปฏิบัติการอาเซียนว่าด้วยการขจัดความรุนแรงต่อเด็กครับ กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 13-15 พฤษภาคม ที่ผ่านมาครับ ” นายศาศวัต หรือ มิ่ง อายุ 17 ปี จาก จ.สุรินทร์ อดีตเด็กในความอุปการะ มูลนิธิศุภนิมิตฯ ปัจจุบันมิ่งเป็นประธานนักเรียนโรงเรียนกระเทียมวิทยา และยังเป็นกรรมการสภาเด็กและเยาวชนมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทยด้วย
ทั้งนี้ ประเทศสมาชิกอาเซียน ได้ร่วมกันประกาศ ปฏิญญาว่าด้วยการขจัดความรุนแรงต่อสตรีและเด็ก เพื่อยืนยันว่าเด็กทุกคนควรเติบโตในสังคมที่ปลอดภัยจากความรุนแรง และมีการขับเคลื่อนของประเทศสมาชิกอาเซียนภายใต้ แผนปฏิบัติการอาเซียนว่าด้วยการขจัดความรุนแรงต่อเด็ก (RPA on EVAC) พ.ศ. 2559-2568 ซึ่ง คณะกรรมาธิการอาเซียนว่าด้วยสิทธิของสตรีและเด็ก (ASEAN Commission on the Promotion and Protection of the Rights of Women and Children – ACWC) กำลังอยู่ระหว่างการการจัดเตรียมแผนปฏิบัติการฯ เพื่อนำเสนอต่อผู้นำอาเซียนใน การประชุมสุดยอดอาเซียนปี พ.ศ. 2569
“เพื่อให้แผนปฏิบัติการอาเซียนว่าด้วยการขจัดความรุนแรงต่อเด็กซึ่งกำลังจัดทำขึ้นนี้ สามารถสะท้อนความคิดเห็นของเด็กและเยาวชนเกี่ยวกับเรื่องที่กระทบต่อชีวิตของพวกเขา รวมถึงความคิดเห็นที่จะทำให้ผู้ใหญ่ในระดับการจัดทำนโยบายได้เข้าใจว่าในแผนปฏิบัติการฯ ฉบับปัจจุบัน สิ่งใดที่ได้ผลในการยุติความรุนแรงต่อเด็ก และอะไรที่ควรปรับปรุง รวมถึงการสะท้อนให้ผู้ใหญ่เข้าใจมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับมิติและปัจจัยที่หลากหลายของความรุนแรงต่อเด็กที่พวกเขากำลังประสบอยู่ โดยความร่วมมือของเครือข่ายสิทธิเด็กแห่งเอเชีย – Child Rights Coalition Asia คณะกรรมาธิการอาเซียนว่าด้วยสิทธิของสตรีและเด็ก คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนระหว่างรัฐบาลอาเซียน – ASEAN Intergovernmental Commission on Human Rights (AICHR) และสำนักงานเลขาธิการอาเซียน จึงได้ร่วมกันจัดเวทีปรึกษาหารือระดับภูมิภาคกับเด็กขึ้น โดยมีเด็กและเยาวชนจากประเทศอาเซียนจำนวน 24 คนร่วมสะท้อนความคิดเห็นพร้อมจัดทำข้อเสนอแนะที่เป็นความต้องการของพวกเขาจริงๆ ต่อการยุติความรุนแรงต่อเด็กเพื่อนำเสนอในการประชุมครั้งที่ 41 ของคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนระหว่างรัฐบาลอาเซียน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการจัดทำแผนปฏิบัติการอาเซียนว่าด้วยการขจัดความรุนแรงต่อเด็ก” คุณอมรพจี อุปมัย Child Protection & Advocacy Advisor มูลนิธิศุภนิมิตฯ ให้ภาพที่มาและความสำคัญของการจัดเวทีปรึกษาหารือระดับอาเซียนของเด็กและเยาวชนในครั้งนี้
สำหรับ มิ่ง เขาสรุปประสบการณ์ในการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนระดับนโยบายเกี่ยวกับความรุนแรงต่อเด็กของอาเซียนในครั้งนี้ว่า “เป็น 3 วันที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ในโรงแรม แต่ผมได้รับการเปิดโลกกว้างมากเลยครับ ในการประชุมมีเยาวชนตัวแทนประเทศไทย 3 คน อุปสรรคเรื่องภาษาอังกฤษของผมได้รับการสนับสนุนจากพี่พลอย มูลนิธิศุภนิมิตฯ ทำให้ผมเข้าใจมากขึ้น ผมได้เห็นมุมคิดของเยาวชนจากประเทศต่างๆ เป็นสิ่งกระตุ้นให้ผมต้องกลับมาเรียนรู้เพิ่ม กิจกรรมสองวันแรกเป็นการสะท้อนและให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับแผนปฏิบัติการอาเซียนว่าด้วยการขจัดความรุนแรงต่อเด็กฉบับปัจจุบันซึ่งจะครบกำหนดในปี 2568 นี้ และกิจกรรมเชิงปฏิบัติการเพื่อร่วมกันจัดทำข้อเสนอแนะ โดยพวกเราทุกคนได้เข้าร่วมในการประชุมครั้งที่ 41 ของคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนระหว่างรัฐบาลอาเซียน (AICHR) กล่าวข้อเสนอแนะของพวกเราแต่ละกลุ่มให้ผู้ใหญ่ระดับอาเซียนรับฟังเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการจัดทำแผนปฏิบัติการอาเซียนว่าด้วยการขจัดความรุนแรงต่อเด็กต่อไปด้วยครับ เป็นความภูมิใจที่สุดเลยครับ”
มิ่ง รวมกลุ่มกับเพื่อนเยาวชนที่มีความสนใจเกี่ยวกับผลกระทบด้านความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อกลุ่มเสี่ยงเด็กที่ได้รับผลกระทบจากการโยกย้ายถิ่นฐาน และข้อความต่อไปนี้คือข้อเสนอแนะที่มิ่งและเพื่อนเยาวชนอาเซียนได้จัดทำขึ้นและนำเสนอต่อผู้ใหญ่ที่ทำหน้าที่กำหนดนโยบายของอาเซียน
เด็กผู้อพยพในประเทศไทยเผชิญกับอุปสรรคร้ายแรงในการเข้าถึงสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน โดยเฉพาะด้านการศึกษาและการดูแลสุขภาพ การย้ายถิ่นฐานบ่อยครั้ง การขาดเอกสารทางกฎหมาย และการสนับสนุนด้านจิตสังคมที่ไม่เพียงพอ ทำให้พวกเขาไม่ได้รับการศึกษาอย่างต่อเนื่องและการรักษาทางการแพทย์ที่ทันท่วงที ส่งผลให้เด็กเหล่านี้เสี่ยงต่ออันตราย ต่อพัฒนาการ อารมณ์ และสังคมในระยะยาว ส่งผลให้ความไม่เท่าเทียมกันรุนแรงขึ้นและบั่นทอนพันธสัญญาระดับชาติต่อสิทธิเด็กและการพัฒนาที่ครอบคลุม จำเป็นต้องดำเนินการตามนโยบายอย่างเร่งด่วนเพื่อให้แน่ใจว่าเด็กทุกคนไม่ว่าจะมีสถานะใดก็ตามสามารถเข้าถึงบริการที่จำเป็นและใช้ศักยภาพของตนได้อย่างเต็มที่
รัฐบาลควรพัฒนาระบบบริการที่ครอบคลุมซึ่งรับรองว่าเด็กผู้ย้ายถิ่นฐานทุกคนไม่ว่าจะมีสถานะทางกฎหมายอย่างไรก็ตาม จะสามารถเข้าถึงบริการที่จำเป็นได้ตั้งแต่เริ่มต้นการย้ายถิ่นฐานจนถึงการเดินทางทั้งหมด ซึ่งรวมถึงการศึกษา การดูแลสุขภาพ การสนับสนุนด้านจิตสังคม และการดูแลเฉพาะทางสำหรับหญิงตั้งครรภ์ เด็กผู้หญิง เด็กที่ตอบสนองต่อทุกเพศ และความพิการ เพื่อให้แน่ใจว่าการดำเนินการจะมีประสิทธิผล เจ้าหน้าที่ของรัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับแนวทางที่เป็นมิตรต่อเด็กและไม่เลือกปฏิบัติ ซึ่งจะช่วยรักษาสิทธิและศักดิ์ศรีของเด็กทุกคน สิ่งนี้จะช่วยให้เด็กผู้ย้ายถิ่นฐานไม่เพียงแต่สามารถเอาชีวิตรอดได้เท่านั้น แต่ยังสามารถใช้ชีวิตและเจริญเติบโตในฐานะสมาชิกของสังคมที่เท่าเทียมกันได้อีกด้วย
เพราะความรุนแรงต่อเด็กไม่ได้เป็นเพียงการกระทำด้วยความรุนแรงจนก่อเกิดเป็นบาดแผลทางร่างกาย หรือต่อจิตใจของเด็กเท่านั้น มิติของความรุนแรงมีความหลากหลายมากกว่านั้น ทั้งในแง่ของสิ่งกระตุ้น เหตุผลในการกระทำ ความรู้สึกที่นำสู่ความรุนแรง โดยมีปัจจัยที่เป็นตัวเร่งให้เกิดความรุนแรงต่อเด็ก ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์ เครือข่ายอินเทอร์เน็ต และข้อมูลดิจิทัล ซึ่งรวมถึงการปกป้องข้อมูล การสื่อสาร และการควบคุมระบบต่าง ๆ ผ่านโลกออนไลน์ วิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงกลุ่มเสี่ยงเด็กที่ได้รับผลกระทบจากการโยกย้ายถิ่นฐาน มิติและปัจจัยที่หลากหลายเหล่านี้กำลังส่งผลเป็นความรุนแรงต่อเด็ก
เด็กคือผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากความรุนแรงในทุกรูปแบบ การรับฟังความคิดเห็น การปรึกษา การเปิดเวทีที่ปลอดภัยสำหรับเด็กและเยาวชนในการสะท้อนความคิดเห็นอย่างแท้จริง นี่คือรูปแบบการมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชนที่จะนำไปสู่การขับเคลื่อนในเชิงนโยบายเพื่อประโยชน์และชีวิตที่ดีกว่าของเด็กทุกคน และ ‘มิ่ง’ ได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนเด็กและเยาวชนทุกคน เป็นตัวแทนนำเสียงและความคิดเห็นของเด็กและเยาวชนเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการจัดทำแผนปฏิบัติการอาเซียนว่าด้วยการขจัดความรุนแรงต่อเด็ก
———-
2025 Regional Children’s Consultation for the 2nd ASEAN Plan of Action on the Elimination of Violence Against Children (RPA-EVAC) โดยความร่วมมือของเครือข่ายสิทธิเด็กแห่งเอเชีย (Child Rights Coalition Asia – CRC Asia) คณะกรรมาธิการอาเซียนว่าด้วยสิทธิของสตรีและเด็ก (ASEAN Commission on the Promotion and Protection of the Rights of Women and Children – ACWC) คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนระหว่างรัฐบาลอาเซียน (ASEAN Intergovernmental Commission on Human Rights – AICHR) และสำนักงานเลขาธิการอาเซียน โดยได้รับการสนับสนุนจาก ChildFund, Plan International Asia Pacific, Save the Children Asia, SOS Children’s Villages International, World Vision International, ECPAT International และ Terre des Hommes Germany – Southeast Asia