ในชุมชนเล็ก ๆ ของจังหวัดแพร่ มีหญิงสาวคนหนึ่งที่อุทิศตนเพื่อดูแลสุขภาพของคนในชุมชนด้วยหัวใจ “สุธินี กันจินะ” นักวิชาการสาธารณสุขประจำโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล คือคนที่ชาวบ้านต่างรู้จักและไว้วางใจ ทุกวันเธอจะมีหน้าที่ดูผู้ป่วย ให้คำแนะนำหญิงตั้งครรภ์ ดูแลเด็กเล็ก และเป็นที่ปรึกษาให้ผู้สูงอายุที่มีโรคเรื้อรังอย่างเบาหวาน ความดัน หรืออาการปวดเมื่อยจากการทำงานหนักของเกษตรกร
“แค่เห็นคนไข้ยิ้มได้ อาการดีขึ้น เราก็อิ่มใจแล้วค่ะ” สุธินี เอ่ยด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข
เบื้องหลังรอยยิ้มนั้น คือเรื่องราวของความเพียร ความฝัน และ “โอกาส” ครั้งสำคัญที่เปลี่ยนชีวิตของเธอไปอย่างสิ้นเชิง
สุธินี เติบโตในครอบครัวเกษตรกร พ่อแม่มีรายได้ปีละครั้งจากการปลูกข้าวโพด ชีวิตในวัยเด็กไม่ง่ายนัก การเรียนก็เต็มไปด้วยอุปสรรค จนกระทั่งเมื่อเธออายุได้ 8 ขวบ มูลนิธิศุภนิมิตฯ ได้เข้ามาให้การสนับสนุน มอบทุนการศึกษา อุปกรณ์การเรียน ค่าเดินทางไปโรงเรียน กิจกรรมพัฒนาทักษะวิชาการและทักษะชีวิต รวมไปถึงครอบครัวยังได้รับการสนับสนุนอาชีพเพื่อเสริมรายได้ในครอบครัว ซึ่งต่อมาเธอยังได้รับทุนตลอดการศึกษาในระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยพะเยา
“ถ้าไม่มีมูลนิธิศุภนิมิตฯ หนูก็ไม่รู้ว่าจะได้เรียนต่อไหม พ่อแม่คงลำบาก และอาจจะไม่ได้มีหน้าที่การงานที่มั่นคงทำอย่างวันนี้”
แม้ในวัยเด็กจะฝันอยากเป็นครู แต่เมื่อได้เรียนด้านสาธารณสุข สุธินีก็ได้ค้นพบความหมายที่ลึกซึ้งของการได้ “ดูแล” ผู้คนในชุมชน ซึ่งไม่ใช่แค่สุขภาพ แต่คือการได้อยู่เคียงข้างยามเจ็บป่วย ให้คำปรึกษา และเป็นกำลังใจในวันที่ยากลำบาก
“คนไข้มาหาเรา แล้วเขาได้มีรอยยิ้ม ได้หายจากโรคที่ไม่สบาย แค่นี้เราก็มีความสุขใจแล้วค่ะ”
แม้ไม่เคยพบหน้าผู้อุปการะ แต่สุธินียังจดจำจดหมายฉบับหนึ่งที่เคยได้รับได้เป็นอย่างดี ข้อความสั้น ๆ อย่าง “ตั้งใจเรียนนะ เป็นเด็กดี ดูแลสุขภาพ” กลายเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้เธอมุ่งมั่น และไม่เคยลืมความกรุณาที่เคยได้รับ
วันนี้ สุธินีไม่ได้เป็นเพียงเจ้าหน้าที่รัฐผู้ทุ่มเทงานด้านสาธารณสุขเท่านั้น แต่ยังเป็นอาสาสมัครของมูลนิธิศุภนิมิตฯ ช่วยสำรวจเด็กที่ขาดแคลน ส่งต่อข้อมูลเพื่อให้ความช่วยเหลือ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนในพื้นที่
“หนูอยากให้เด็กคนอื่นได้มีโอกาสแบบที่หนูเคยได้รับ อยากให้เขาได้เรียน ได้โต แล้วกลับมาดูแลบ้านเกิดของตัวเอง เหมือนอย่างที่หนูทำในวันนี้”
เรื่องราวของสุธินี คือภาพสะท้อนของพลังแห่ง “โอกาส” ที่มอบให้ในวันวาน และผลิดอกออกผลในวันนี้อย่างงดงาม ทั้งต่อตัวเธอเอง และต่อชุมชนที่เธอรัก
“ขอบคุณผู้อุปการะและมูลนิธิศุภนิมิตฯ ที่เคยหยิบยื่นโอกาสให้กับหนูในวันนั้น จนกลายมาเป็นคนที่ได้ดูแลคนอื่นในวันนี้ค่ะ”