มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ร่วมกับ ยูนิเซฟ ลงพื้นที่เยี่ยมศูนย์พักพิงชั่วคราวในจังหวัดสุรินทร์และศรีสะเกษ จัดตั้งศูนย์เพื่อนเด็ก (Child-Friendly Space) ที่ถูกออกแบบมา เพื่อเด็ก ๆ ได้รับการปกป้องคุ้มครองให้ปลอดภัย และได้รับการเยียวยาฟื้นฟูจิตใจ ศูนย์เพื่อนเด็กยังจะเป็นพื้นที่ให้เด็กได้เรียนรู้และได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเป็นการสนับสนุนผู้ปกครองและชุมชนให้สามารถเข้าถึงการช่วยเหลืออื่น ๆ ได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของลูก ๆ ขณะที่ต้องพักอาศัยในศูนย์พักพิงชั่วคราว
ย้อนไปถึงเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น แม่ยุทธ อาสาสมัครมูลนิธิศุภนิมิตฯ เล่าให้ฟังพร้อมเสียงสั่นเครือว่า “วันแรกที่เห็นเด็ก ๆ น้ำตาไหลเลย เหตุการณ์นี้มันสะเทือนใจมาก โดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย” เธอเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของเด็ก ๆ ตั้งแต่วันแรกที่พวกเขาอพยพเข้ามา
เมื่อสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนประเทศไทย-กัมพูชา บังคับให้ผู้คนต้องอพยพ ทางหน่วยงานราชการได้จัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว โดยมีผู้ใหญ่บ้านและกรรมการหมู่บ้านช่วยกันจัดการ ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม 2025 แม่ยุทธได้เข้าช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง “วันแรกมีชาวบ้านมาประมาณสองร้อยกว่าคน แล้วก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เป็นสามร้อยกว่าคน มีทุกกลุ่มเลย ตั้งแต่เด็ก ผู้สูงอายุ ไปจนถึงผู้ป่วยติดเตียง” เธอเล่าถึงภาพที่เห็นในวันแรก ๆ
ความช่วยเหลือเริ่มต้นจากพลังของชุมชนเอง “ตอนแรกชาวบ้านช่วยกันเอง ระดมทุน ซื้อของมาทำโรงครัว ช่วยปัดกวาดบริเวณ จัดเตรียมสถานที่ หาโต๊ะ เต็นท์ ถ้วย จาน ข้าว หม้อหุงข้าว ซื้อไข่ ปลากระป๋อง ผัก และมะละกอ เพื่อทำอาหารให้ผู้ที่อพยพมา”แม่ยุทธไม่เคยขาดวันในการไปช่วยเหลือ“ไปทุกวัน ไปตั้งแต่เช้า ตักข้าวให้ผู้พักพิง บางวันก็อยู่ถึงสามทุ่มเลย”
ในไม่ช้าความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงมูลนิธิศุภนิมิตฯ ก็เดินทางมาถึงอย่างทันท่วงที “มูลนิธิศุภนิมิตฯ ลงมาช่วยหลายอย่างเลย มีไข่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำดื่ม และของใช้จำเป็นอื่น ๆ พอเจ้าหน้าที่มูลนิธิศุภนิมิตฯ มาถึง ชาวบ้านดีใจกันมาก รู้สึกอบอุ่นเหมือนมีคนมาอยู่เคียงข้าง” แม่ยุทธเล่าด้วยความประทับใจ
นอกจากการดูแลร่างกายให้ได้กินอิ่มนอนหลับในช่วงที่ยากลำบากนี้ การดูแลจิตใจของผู้อพยพก็สำคัญไม่แพ้กัน มูลนิธิศุภนิมิตฯ พร้อมด้วยภาคีเครือข่ายช่วยกันจัดกิจกรรมต่าง ๆ ให้กับเด็ก ๆ “มูลนิธิศุภนิมิตฯ และยูนิเซฟ นำสมุด ดินสอมาให้เด็ก ๆ วาดรูปเพิ่มเติม เพราะกลัวเด็กเครียด เด็กก็สนใจมาก อยากเรียนรู้ เพราะไม่ได้ไปโรงเรียนมาหลายวัน” แม่ยุทธ เล่าเสริม
สำหรับแม่ยุทธ การได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือครั้งนี้มีความหมายมากกว่าแค่การทำหน้าที่ “ดีใจมากที่สุดที่ได้อยู่ในส่วนนี้และได้ช่วยเหลือคนอื่น ภูมิใจที่ได้เกิดมาแล้วมีโอกาสช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ การได้เป็นอาสาสมัครของมูลนิธิศุภนิมิตฯ แม่อยากทำไปเรื่อย ๆ เต็มใจทำ และทำเต็มกำลังทุกครั้ง”
สิ่งที่ทำให้อบอุ่นหัวใจยิ่งขึ้นคือพลังของเยาวชนมูลนิธิศุภนิมิตฯ น้องแป้ง ผู้นำเยาวชนศุภนิมิตและอดีตเด็กในความอุปการะ เป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้เห็นถึงการสานต่อพันธกิจของมูลนิธิศุภนิมิตฯ “พื้นที่ของหนูไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่พื้นที่ใกล้เคียงมีคนอพยพเข้ามาเยอะ พื้นที่ของหนูจึงถูกใช้เป็นศูนย์พักพิงชั่วคราว” เธอได้เข้าไปช่วยเหลืองานที่ศูนย์เพื่อนเด็ก พาเด็ก ๆ วาดรูป ระบายสี “หนูพาน้อง ๆ วาดรูประบายสีเพื่อคลายเครียด และแจกขนมกับอุปกรณ์การเรียนให้น้อง ๆ ค่ะ ” น้องแป้งแสดงความรู้สึกที่ได้ร่วมกิจกรรม “ดีใจที่ในช่วงเวลาลำบากอำเภอของเราได้เป็นที่พักพิงให้เขา ประทับใจที่แต่ละหน่วยงานช่วยกันนำสิ่งของมาบริจาคให้ผู้ประสบภัย และดีใจที่ตัวเองได้มีส่วนช่วยเหลือที่ศูนย์เพื่อนเด็กค่ะ”
ด้าน คุณอานนท์ สวนศรี ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทรัพยากรมนุษย์และวัฒนธรรมองค์กร มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย มองการทำงานในครั้งนี้ไปไกลกว่าการช่วยเหลือเฉพาะหน้า “ในส่วนของมูลนิธิศุภนิมิตฯ เราขับเคลื่อนพันธกิจนี้โดยอาศัยความร่วมมือกับเครือข่ายในระดับพื้นที่และระดับประเทศ ทั้งภาครัฐ เอกชน และผู้บริจาค โดยสิ่งที่เราทำตอนนี้คือการส่งมอบความช่วยเหลือให้กับผู้ได้รับผลกระทบศูนย์พักพิงชั่วคราว และการจัดตั้งศูนย์เพื่อนเด็กให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก
เมื่อสถานการณ์คลี่คลายแล้ว เด็ก ๆ ทยอยกลับสู่บ้านที่ปลอดภัย รวมถึงเรื่องของการเปิดเรียนตามปกติ สิ่งที่มูลนิธิศุภนิมิตฯ จะทำต่อไปก็คือการฟื้นฟูเพื่อให้เกิดการสร้างกำลังใจให้กับเด็ก ๆ และเตรียมตัวเพื่อในอนาคตหากมีภัยพิบัติอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นอีก ทีมงานเหล่านี้คือเครือข่ายและพร้อมดำเนินงานอย่างทันท่วงทีและเกิดการช่วยเหลืออย่างยั่งยืน”
ศูนย์เพื่อนเด็กในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นพื้นที่ปลอดภัยในยามวิกฤต แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือที่เกิดจากหัวใจ ระหว่างหน่วยงาน อาสาสมัคร และเยาวชนที่มีจิตอาสา การทำงานร่วมกันของมูลนิธิศุภนิมิตฯ และยูนิเซฟไม่เพียงตอบสนองความต้องการเฉพาะหน้า แต่ยังวางรากฐานสำหรับการช่วยเหลืออย่างยั่งยืน เพื่อให้เด็กไทยทุกคนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยและเติบโตขึ้นมาท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดี