เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2568 มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ร่วมกับที่ทำการปกครองอำเภอสบเมย กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดแม่ฮ่องสอน สำนักงานยุติธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 1 เชียงใหม่ โรงพยาบาลแม่สะเรียง และโรงพยาบาลสบเมย จัดกิจกรรมภายใต้โครงการ ‘คุ้มครองสิทธิ พิทักษ์ประชาชน สร้างสังคมที่เท่าเทียม ครั้งที่ 1’ เพื่อแก้ไขสถานะบุคคลให้แก่กลุ่มชาติพันธุ์ดั้งเดิมที่ตกหล่นจากระบบทะเบียนราษฎร โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
โครงการดังกล่าวมุ่งให้กลุ่มชาติพันธุ์หรือชาวไทยภูเขาดั้งเดิม ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุขและสวัสดิการจากภาครัฐ โดยเฉพาะผู้ที่มีบิดา มารดาเป็นผู้มีสัญชาติไทย แต่ยังไม่ได้รับการรับรองทางกฎหมาย ส่งผลให้ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพและสิทธิอื่น ๆ ที่พึงได้รับ
นายสุมิตร วอพะพอ ผู้เชี่ยวชาญด้านสถานะบุคคลและสิทธิ มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย กล่าวว่า
“จากการลงพื้นที่เพื่อสำรวจข้อมูลเราพบว่ามีประชาชนจำนวนมากที่ตกหล่นจากระบบทะเบียนราษฎร ทั้งที่โดยหลักกฎหมายแล้ว พวกเขามีสิทธิในสัญชาติไทยตามสายเลือด แต่ไม่ได้แจ้งเกิดหรือไม่มีเอกสารรับรองใด ๆ จากการตรวจสอบพบว่า มี 96 ครอบครัว รวม 227 ราย ที่ต้องเข้ารับการตรวจ DNA เพื่อยืนยันความสัมพันธ์ทางสายโลหิต ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้านและได้รับสัญชาติไทยในที่สุด”
การดำเนินงานในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายบุญลือ ธรรมธรานุรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยผู้แทนนายอำเภอสบเมย หัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัดและอำเภอ และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง
ภายในงานมีการเก็บตัวอย่างสารพันธุกรรม (DNA) จำนวน 227 ราย โดยได้รับการสนับสนุนจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์และกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมทั้งจัดกิจกรรมให้ความรู้ด้านกฎหมายและสิทธิมนุษยชน นิทรรศการความรู้ และเวทีรับฟังปัญหาจากกลุ่มเปราะบาง เพื่อพัฒนาการช่วยเหลือให้ตรงกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่
นายบุญลือ ธรรมธรานุรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวเพิ่มเติมว่า
“วันนี้เรามาทำงานร่วมกันระหว่างจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ทำการปกคองอำเภอสบเมย มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย และหน่วยงานภาคีหลายภาคส่วน เพื่อให้บริการตรวจ DNA ฟรีแก่พี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ที่ยังไม่มีหลักฐานแสดงสถานะบุคคล การตรวจ DNA จะช่วยยืนยันความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับบุคคลในพื้นที่ ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการพิจารณาเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้านและรับรองสัญชาติไทย เมื่อได้รับสถานะทางกฎหมายแล้ว ประชาชนเหล่านี้จะสามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานเช่นเดียวกับคนไทยทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นสิทธิการรักษาพยาบาล เบี้ยผู้สูงอายุ เบี้ยคนพิการ หรือสิทธิเลือกตั้ง ทั้งนี้ ภาครัฐอยู่ระหว่างการหารือเพื่อจัดตั้งศูนย์ตรวจ DNA ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อให้บริการอย่างต่อเนื่องและสะดวกยิ่งขึ้น”
กิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของ ‘โครงการพัฒนาสถานะบุคคลและสิทธิสำหรับเด็กและเยาวชนไร้รัฐไร้สัญชาติ’ ซึ่งมีเป้าหมายหลักในการพัฒนาสถานะทางกฎหมายของนักเรียนรหัส G ให้ได้รับหมายเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก อันเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าถึงสิทธิพื้นฐาน เช่น การศึกษา การรักษาพยาบาล การจ้างงานที่เป็นธรรม และการคุ้มครองทางกฎหมาย โดยคาดว่าโครงการจะสามารถช่วยเหลือเด็กและเยาวชนกว่า 5,000 คน ในพื้นที่เป้าหมาย
การดำเนินงานในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมูลนิธิศุภนิมิตฯ ในการสร้างโอกาสและความเท่าเทียมให้กับเด็กและเยาวชนกลุ่มเปราะบางทั่วประเทศ ซึ่งไม่เพียงช่วยให้เข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานเท่านั้น แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันนโยบายระดับชาติให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่ว่า “ประเทศไทยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”
มูลนิธิศุภนิมิตฯ เชื่อมั่นว่า ‘การมีสถานะที่ถูกต้องตามกฎหมาย’ คือกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่การเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน และจะยังคงมุ่งมั่นทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายในทุกระดับ เพื่อผลักดันให้ประชาชนที่ตกหล่นจากระบบทะเบียนราษฎร ได้รับการรับรองสถานะทางกฎหมายอย่างถูกต้อง และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเท่าเทียมและยั่งยืน


