โบว์ อำไพ จากเด็กในความอุปการะ สู่อาชีพรุกขกร

2 ทศวรรษบนเส้นทางชีวิตของเด็กหญิง ผู้ได้รับโอกาสทางการศึกษาจากผู้ใหญ่ใจดี

‘รุกขกร’ อาชีพที่หลายคนยังไม่คุ้นเคย ถ้าอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ คงต้องบอกว่าเป็นเสมือน ‘หมอต้นไม้’ ไม่ใช่เพียงต้องปีนป่ายเก่ง แต่ต้องรู้จัก และรัก(ษ์) ต้นไม้เป็นอย่างดี วันนี้จึงพามาทำความรู้จักกับ น้องโบว์ นางสาวอำไพ อดีตเด็กในความอุปการะของมูลนิธิศุภนิมิตฯ ผ่านเส้นทางการได้รับโอกาสสู่รุกขกรสาวคนแกร่ง

เริ่มกันที่หมุนทวนเข็มนาฬิกาไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ในห้องเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งที่อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี เด็กหญิงตัวเล็กนั่งมองถุงใบใหญ่ที่วางอยู่หน้าห้องเรียนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ ใครจะไปคิดว่าถุงที่เต็มไปด้วยของขวัญนั้นจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงชีวิตครั้งใหญ่ “ตอนนั้นหนูทั้งงงทั้งดีใจว่าใครเป็นคนส่งมาให้” โบว์ วัย 24 ปี ย้อนนึกถึงวินาทีแรกที่ได้รู้จักกับมูลนิธิศุภนิมิตฯ ความทรงจำนั้นยังคงชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้

“ตอนนั้นดีใจมากค่ะ ของที่ได้มาเยอะมากจนเพื่อนมามุงดูกันเลย รู้สึกเหมือนยิ่งใหญ่ เขาใส่กระสอบมาให้เลยค่ะ” โบว์เล่าไปพลางขำไป “หนูเอาไปแบ่งให้น้อง ๆ ที่บ้านด้วย อย่างแผ่นซีดีเป็นการ์ตูนสำหรับเด็ก ๆ ที่ได้มา ก็นั่งดูกันหลายรอบจนแผ่นสะดุดเลยค่ะ” จากของขวัญกล่องแรกที่โบว์ได้รับในครั้งนั้นได้จุดประกายในหัวใจของเด็กหญิงอำไพได้เรียนรู้คุณค่าของการให้

เมื่อเท้าความย้อนไปถึงชีวิตวัยเด็กของโบว์ เธอเติบโตมาในครอบครัวที่มีพี่น้องถึง 6 คน ซึ่งเธอเป็นลูกคนที่ 4 ครอบครัวนี้ไม่ได้เพียงแต่เผชิญกับความยากลำบากทางการเงิน แต่ยังต้องเรียนรู้การเสียสละและการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน “พี่คนโตเรียนจบแค่ ม.3 แล้วก็ออกจากโรงเรียนไปทำงานเพื่อส่งเงินกลับมาช่วยที่บ้าน ให้น้อง ๆ ได้เรียนต่อ” พ่อแม่ของโบว์ทำไร่แล้วก็รับจ้างทั่วไป รายได้ก็ไม่ได้เยอะมาก ต้องช่วยกันหาเงินเพื่อนำมาใช้จ่ายในบ้าน พวกเขาปลูกฝังให้ลูก ๆ รู้จักพึ่งพาตนเองไม่ใช่รอคอยความช่วยเหลือเพียงอย่างเดียว ทำให้โบว์ในวัยเด็กเธอเริ่มมีรายได้เล็ก ๆ เป็นของตัวเอง “ตอนประถม หนูได้เงินไปโรงเรียนวันละ 5 บาทค่ะ เสาร์-อาทิตย์ก็ไปช่วยถอนหญ้า รับจ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ รับถักเปียให้เพื่อนได้เงินมาซื้อขนมค่ะ” สิ่งเหล่านั้นสอนให้เธอเข้าใจคุณค่าของเงินจากการทำงานและความพอใจในตนเองที่ได้มาจากความพยายาม

ความลำบากของเด็กตัวเล็ก ๆ ทำให้มูลนิธิศุภนิมิตฯ ไม่สามารถเพิกเฉยได้ ทว่าจะช่วยเหลืออย่างไรให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสู่ความอยู่ดีมีสุขอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ ‘โครงการอุปการะเด็ก’ จากของขวัญในวันแรก กลายเป็นแรงสนับสนุนที่ต่อเนื่องตลอดเส้นทางการศึกษา โบว์เล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความขอบคุณ “หนูได้รับการสนับสนุนทุนการศึกษา อุปกรณ์การเรียน ชุดนักเรียน รองเท้าค่ะ ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิศุภนิมิตฯ เสื้อผ้า ชุดนักเรียนพวกนี้ก็จะได้ต่อจากลูกพี่ลูกน้องค่ะ ต้องเปลี่ยนชื่อที่ปักไว้แล้วปักชื่อเราใหม่” สำหรับครอบครัวที่มีลูก 6 คน การสนับสนุนดังกล่าวมีความหมายมหาศาล

“ตอนจบม.6 หนูอยากเรียนต่อ แต่พ่อแม่บอกว่าส่งไม่ไหว หนูอยากเรียนมาก ๆ ถึงแม้จะไม่มีทุน ก็จะไปทำงานช่วงปิดเทอมเพื่อหาเงินค่าเทอมก่อน” แม้เผชิญกับปัญหาเธอก็ไม่ยอมละทิ้งความฝันด้วยเกรดเฉลี่ย 3.9 และความมุ่งมั่นที่แน่วแน่ เธอยื่นใบสมัครเข้าคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และได้รับการตอบรับ แต่ปัญหาค่าใช้จ่ายยังคงเป็นอุปสรรคใหญ่

อาจจะเพราะแรงอธิษฐานที่มุ่งมั่นทำให้เกิดจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของโบว์ “วันหนึ่งพี่เจ้าหน้าที่มูลนิธิศุภนิมิตฯ ก็มาถามว่าอยากเรียนต่อไหม แล้วก็ให้หนูเขียนจดหมายหาผู้อุปการะ เผื่อจะมีผู้ใหญ่ใจดีช่วยสนับสนุน” จดหมายฉบับนั้นเปิดประตูสู่โครงการ ‘ส่งน้องเรียนต่อ ป.ตรี’ ของมูลนิธิศุภนิมิตฯ “ดีใจมากเลยค่ะ โล่งอก หายกังวลเรื่องค่าเทอมเลยค่ะ พ่อแม่ภูมิใจมากค่ะ แล้วก็ช่วยแบ่งเบาภาระได้เยอะเลย” ความดีใจนั้นไม่ได้เป็นเพียงความรู้สึกของเด็กสาวคนเดียว แต่เป็นความหวังของทั้งครอบครัว

โอกาสครั้งนี้เปิดสู่การค้นพบตัวตนและความหลงใหลที่มหาวิทยาลัย โบว์ไม่ได้เพียงแต่เรียนรู้จากตำรา แต่ได้พบกับกิจกรรมที่เปลี่ยนทิศทางชีวิตเธอไปตลอดกาล เมื่อเธอเข้าร่วม ‘ชมรม KU รุกขกร’ กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ “ชมรมเน้นการปีนต้นไม้ด้วยระบบเชือกค่ะ หนูชอบกิจกรรมผจญภัย พอได้ลองปีนก็รู้สึกสนุกมาก การปีนต้นไม้ต้องมีหลักการ ไม่ใช่ปีนแล้วตัดกิ่งตามใจ ต้องรู้วิธีและความปลอดภัยก่อนค่ะ”

ความรู้และทักษะที่ได้รับจากชมรมนี้ไม่ได้เป็นเพียงกิจกรรมนันทนาการ แต่กลายเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับอนาคตของเธอจากการเป็นสมาชิกชมรม โบว์ก้าวขึ้นสู่เวทีการแข่งขันระดับประเทศ กลายเป็นตัวแทนประเทศไทยในเวทีนานาชาติิในการแข่งขัน Taiwan Tree Climbing Championship (TWTCC 2024) และการแข่งขัน Asia Pacific Tree Climbing Championship (APTCC 2024) “ที่ไต้หวัน หนูได้รางวัลที่ 3 ในรายการ Master Challenge แล้วก็ได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งระดับ Asia-Pacific ได้รางวัลที่ 1 ในฐาน Throwline Event และที่ 2 ในฐาน Speed Climb ค่ะ การแข่งขันมี 5 ฐาน ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ใช้จริงในการปฏิบัติงานบนต้นไม้ค่ะ ต้องโยนตุ้มเพื่อนำเชือกขึ้นไป ติดตั้งอุปกรณ์ แล้วปีนขึ้นไปทำงาน ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินก็ต้องสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้ค่ะ” โบว์อธิบายให้ฟังอย่างชำนาญ ความสำเร็จเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากความบังเอิญ แต่มาจากการฝึกฝนอย่างหนัก ความมุ่งมั่น และการคว้าทุกโอกาสที่เธอได้รับ

หลังจบการศึกษา โบว์เลือกเส้นทางที่แตกต่างจากแผนเดิม “ตอนแรกคิดว่าเรียนจบแล้วจะได้เข้ากรมหรือทำงานตรงสายเลยค่ะ แต่ระหว่างเรียน หนูได้ทำกิจกรรมหลายอย่าง แล้วพบว่ากิจกรรมบางอย่างสามารถต่อยอดเป็นอาชีพได้” วันนี้ เธอประกอบอาชีพที่หาได้ยากในประเทศไทย นั่นคือการเป็น ‘รุกขกร’ มืออาชีพ งานนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่งานที่ทำเพื่อเงิน แต่เป็นงานที่เธอรัก “หนูภูมิใจเวลาที่ได้ดูแลต้นไม้ที่ป่วยใกล้ตาย แล้วกลับไปเห็นเขาสุขภาพดีขึ้นค่ะ รู้สึกดีมากเลยค่ะ”

ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โบว์ได้ยืนบนเวทีรับปริญญา วันนั้นไม่ได้เป็นเพียงวันแห่งความสำเร็จของเธอคนเดียว แต่เป็นวันแห่งความภาคภูมิใจของทั้งครอบครัว “หนูเป็นคนแรกในพี่น้องทั้งหมดที่เรียนจบปริญญาตรี พ่อแม่ก็ภูมิใจที่หนูเรียนจบและมีงานทำ ถือว่าเป็นความภูมิใจของทั้งครอบครัวเลยค่ะ” เธอกลายเป็นแสงสว่างและความหวังให้กับพี่น้อง

หนึ่งในช่วงเวลาที่ประทับใจที่สุดในชีวิตของโบว์ คือการได้พบกับผู้อุปการะตัวจริง “ตอนเจอครั้งแรกก็เกร็งมากค่ะ แต่พอคุยกันแล้วก็รู้สึกตื้นตันมาก เพราะเขาให้ทุนหนูมาตั้ง 4 ปี โดยที่หนูไม่เคยรู้จักเขามาก่อนเลยค่ะ” คำแนะนำที่เธอได้รับจากผู้อุปการะก็เป็นสิ่งที่จะจดจำไปตลอดชีวิต “วันนี้ที่ได้มาเจอหนูผู้อุปการะท่านก็ดีใจที่ได้เห็นหนูเรียนจบ มีงานทำเป็นเหมือนที่ท่านตั้งใจไว้ พอยิ่งได้ฟังถึงการเรียน ถึงงานที่หนูทำอยู่ยิ่งดีใจมากขึ้นและท่านบอกหนูว่ามาถูกทางแล้วไม่ต้องห่วง ท่านบอกให้ลองทำอะไรหลาย ๆ อย่างในช่วงที่ยังมีแรง และถ้ามีปัญหาอะไรก็ปรึกษาได้ท่านได้ตลอด”

วันนี้ โบว์มีเป้าหมายที่ชัดเจนสำหรับอนาคต “ตอนนี้อยากสะสมประสบการณ์ไปเรื่อย ๆ ค่ะ แล้วภายใน 5 ปี อยากสอบเข้ารับราชการ เพื่อให้พ่อแม่ได้สวัสดิการค่ะ” แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คือความตั้งใจที่จะส่งต่อโอกาส “ถ้าหนูมีความมั่นคงทางการเงิน หนูก็อยากเป็นผู้ให้เหมือนที่เคยได้รับค่ะ เพราะรู้ว่ามีเด็กหลายคนที่ไม่มีทุนทรัพย์แต่มีความตั้งใจอยากเรียนค่ะ”

เรื่องราวของโบว์สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการสนับสนุนที่ต่อเนื่อง การช่วยเหลือที่ยั่งยืนไม่ได้เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่เป็นการลงทุนในอนาคตของสังคมที่ยั่งยืน โดยเฉพาะเรื่องของการศึกษาซึ่งเป็นบัตรผ่านที่เปลี่ยนแปลงทั้งครอบครัวให้อยู่ดีมีสุขยิ่งขึ้น “หนูอยากขอบคุณพี่ ๆ จากมูลนิธิศุภนิมิติฯ พี่เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ และผู้อุปการะ เพราะถ้าไม่มีท่าน หนูคงไม่ได้มีโอกาสแบบนี้ และขอบคุณที่ทำให้หนูได้เรียน ได้เติบโต และได้ทำตามความฝันค่ะ” โบว์กล่าวปิดท้ายด้วยรอยยิ้มแห่งความปิติ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ป้ายกำกับ
Child Rights Climate Change CSR Migrant SDG กลุ่มชาติพันธุ์ การจัดการภัยบิบัติ การจัดการภัยพิบัติ การตีตราและเลือกปฏิบัติ การพัฒนาสถานศึกษา การมีส่วนร่วมของเด็ก ครอบครัวสุขสันต์ ความยั่งยืน ความยุติธรรมในสังคม ความยุติธรรมในสังคม (Social Justice) ความรับผิดชอบต่อสังคม ความรุนแรงต่อเด็ก ความเชื่อและการพัฒนา งานรณรงค์เพื่อเด็ก จิตอาสา ทักษะชีวิตเยาวชน ทักษะอาชีพเยาวชน นโยบายการพัฒนาเด็ก น้ำเพื่อชีวิต บริการสุขภาพขั้นพื้นฐาน บริจาคทุนการศึกษา บริจาคเงิน ปกป้องคุ้มครองเด็ก ประชากรข้ามชาติ ผู้นำเยาวชน พัฒนาชุมชน ภัยพิบัติ ยุติวัณโรค/End TB ยุติเอดส์/Stop AIDS สังคมแห่งการแบ่งปัน สิทธิมนุษยชน สิทธิเด็ก ส่งน้องจบ ป-ตรี อดีตเด็กในความอุปการะ เด็กข้ามชาติ เด็กยากไร้ เด็กไร้รัฐ เสียงเด็กและเยาวชน แรงงานข้ามชาติ/ประชากรข้ามชาติ แรงงานต่างชาติ

ข่าวอื่นๆ

มูลนิธิศุภนิมิตฯ ผนึกกำลังพันธมิตร จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ บริการประชาชน

ตรวจสุขภาพและมอบแว่นสายตา พร้อมวางแผนส่งเสริมสุขภาพระยะยาวในพื้นที่ห่างไกล อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก
อ่านต่อ »
0