เมื่อเดือนมิถุนายน 2025 ที่ผ่านมา มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย จัดงาน ‘ขอบคุณจากใจ ก้าวไปด้วยกัน เพื่อสร้างสรรค์การเปลี่ยนแปลง’ เพื่อแสดงความขอบคุณผู้อุปการะที่สนับสนุนการดำเนินงานโครงการอุปการะเด็กมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้ใหญ่ใจดี-ผู้อุปการะที่ให้การสนับสนุนมาตลอดระยะเวลา 10, 15, 20 และ 25 ปี กว่า 200 ท่านเข้าร่วมงาน
“ผมมองว่าเราอยู่ในสังคมที่มีโอกาสมากกว่าเด็กหลายคน เราจึงควรหยิบยื่นโอกาสให้เด็กคนอื่น ๆ ที่ยังขาดโอกาสจากครอบครัว” คำพูดนี้ของ คุณสนธยา กริชนวรักษ์ ผู้อุปการะของมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ได้สะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาการให้ที่เรียบง่าย แต่ลึกซึ้งและทรงพลัง
ย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้นที่เปลี่ยนชีวิตหลายคนเมื่อ 20 ปีก่อน ในช่วงที่เขากำลังศึกษาปริญญาเอก “ตอนนั้นได้รับข่าวสารผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ แล้วรู้สึกว่าอยากให้ความช่วยเหลือเด็ก ๆ ในพื้นที่ขาดโอกาส” สิ่งที่ทำให้เขาเลือกมูลนิธิศุภนิมิตฯ แห่งนี้ คือความชัดเจนและความโปร่งใส “วิธีการสนับสนุนค่อนข้างสะดวก มีช่องทางโอนเงินชัดเจน และเอกสารรายงานเด็กก็ให้ข้อมูลค่อนข้างละเอียด”
เพราะการอุปการะที่ไม่ใช่แค่เรื่องของเงิน คุณสนธยาเล่าถึงเหตุผลที่ทำให้เขาสนับสนุนโครงการนี้มาอย่างต่อเนื่องหลายสิบปีว่า “ผมเองทำงานด้านการให้ความรู้และคลุกคลีกับเยาวชน จึงเข้าใจเด็กในหลายมุม” ซึ่งทำให้เห็นถึงสถานการณ์ของเยาวชน แนวโน้มปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคม รวมถึงทิศทางที่ต้องเร่งแก้ไข การที่โครงการรายงานความก้าวหน้าของเด็กอย่างชัดเจน ครอบคลุมทั้งพัฒนาการ การศึกษา ความเป็นอยู่ รวมถึงการพัฒนาครอบครัวและชุมชน ทำให้เขามั่นใจในผลกระทบเชิงบวกที่เกิดขึ้น “หากเราพัฒนาเด็กคนเดียว แต่ครอบครัวและสังคมรอบตัวเขายังไม่พัฒนา เด็กก็อาจไปต่อไม่ได้ ดังนั้นการพัฒนารอบด้าน ทั้งครอบครัว ชุมชน โรงเรียน จึงสำคัญมาก”
ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา คุณสนธยาอุปการะเด็กไปแล้ว 3 คน ล้วนสร้างความประทับใจที่ไม่อาจลืมเลือน “สิ่งที่ประทับใจมาก คือเมื่อเด็กบางคนที่ได้รับการสนับสนุนสำเร็จการศึกษา บางคนเรียนต่อในระดับปริญญาตรี ทางโครงการก็จะรายงานกลับมา ทำให้ผมรู้สึกดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้เขาเดินไปข้างหน้าได้สำเร็จ”
คุณค่าที่ก่อเกิดขึ้นทั้งกับผู้ให้และผู้รับ การอุปการะเด็กไม่ได้สร้างคุณค่าให้กับเด็กและครอบครัวเท่านั้น แต่ยังสร้างความรู้สึกที่ดีให้กับผู้ให้ด้วย “แม้ไม่ใช่ญาติเราโดยตรง แต่เราก็มีส่วนเล็ก ๆ ในความสำเร็จของเขา” คุณสนธยามีความคาดหวังที่ชัดเจนกับเด็กที่ได้รับการสนับสนุน “อยากให้เขาได้ใช้โอกาสที่สังคมให้ ตั้งใจเรียน เติบโตมีอาชีพที่มั่นคง ดูแลครอบครัวได้ และถ้าในอนาคตเขาพร้อม ก็น่าจะกลับมาแบ่งปันช่วยเหลือสังคมต่อ ไม่จำเป็นต้องเป็นเงินเสมอไป อาจเป็นประสบการณ์หรือความรู้ก็ได้”
คุณสนธยาเล่าด้วยความประทับใจ “ผมเคยมารับโล่ตอนครบ 10 ปี มาวันนี้รู้สึกดีใจมากและก็แปลกใจว่า 10 ปีผ่านไปไวมาก” พร้อมฝากกำลังใจถึงเด็ก ๆ ในโครงการ “อยากบอกน้อง ๆ ว่าไม่ต้องกังวลนะ ให้ตั้งใจเรียนและทำตามความฝันให้เต็มที่ ถึงแม้จะขาดโอกาสในบางอย่าง แต่ก็มีคนในสังคมคอยสนับสนุน ไม่ต้องท้อ ขอให้สู้ต่อไปเพื่ออนาคตและครอบครัว”
“การอุปการะเด็กไม่ได้ช่วยเพียงแค่เด็กคนเดียว แต่ยังขยายผลไปสู่ครอบครัว ชุมชน และสังคม เป็นวงจรแห่งการให้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด และนั่นคือเหตุผลที่ว่าทุกเหตุผลของการให้ ยิ่งใหญ่เสมอ” คุณสนธยา กล่าวปิดท้าย
เรื่องราวของคุณสนธยา สะท้อนให้เห็นว่าการให้ไม่ได้เกิดขึ้นจากความร่ำรวยหรือสถานะทางสังคมเท่านั้น แต่เกิดจากการเห็นคุณค่าของโอกาสที่เราได้รับ และความเข้าใจว่าการหยิบยื่นโอกาสให้ผู้อื่นนั้น จะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนและกว้างไกล