จากข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ (UN) ระบุว่า แม้ประชากรโลกจะมีมากกว่า 8,000 ล้านคน แต่ยังมีอีกนับล้านคนที่ไม่มีสถานะทางกฎหมาย โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งถือเป็นกลุ่มเปราะบางที่สุดในสังคมโลก เช่นเดียวกับสถานการณ์ในประเทศไทย ที่ข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทย ณ ปี 2567 พบว่ามีประชากรกว่า 587,000 คนที่ประสบปัญหาไร้สัญชาติและไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร โดยในจำนวนนี้เป็นเด็กและเยาวชนมากกว่า 300,000 คน ซึ่งยังไม่สามารถพิสูจน์สัญชาติได้
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568 มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ได้เข้าร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และภาคีเครือข่ายภาคประชาสังคมในพื้นที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ในกิจกรรมส่งมอบบัตรประชาชนให้แก่เด็ก เยาวชน และบุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติ ภายใต้กิจกรรม ‘Kick off การขับเคลื่อนการดำเนินงานตามหลักเกณฑ์การแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลให้แก่บุคคลที่อพยพเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลานาน และกลุ่มบุตรที่เกิดในราชอาณาจักร ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567’ เพื่อส่งเสริมสิทธิขั้นพื้นฐานและสถานะทางกฎหมายของกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ชายขอบ ซึ่งได้รับเกียรติจาก นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธี
กิจกรรมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของ ‘โครงการพัฒนาสถานะบุคคลและสิทธิสำหรับเด็กและเยาวชนไร้รัฐไร้สัญชาติ’ ซึ่งมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทยได้ริเริ่มและขยายผลในปี 2568 ไปยัง 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก และสระแก้ว โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือเด็กที่มีสถานะรหัส G ให้ได้รับหมายเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก อันเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างเท่าเทียม คาดว่าจะมีผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการนี้มากกว่า 5,000 คนในพื้นที่เป้าหมาย
ภายในงาน มูลนิธิศุภนิมิตฯ ยังได้จัดบูธกิจกรรมภายใต้แนวคิด ‘ร่วมสร้างตัวตนสู่อนาคตที่มั่นคง’ เพื่อเปิดพื้นที่ให้ผู้เข้าร่วมงานได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมสร้างสรรค์ที่สะท้อนถึงความสำคัญของการมีตัวตนทางกฎหมาย กิจกรรมดังกล่าวได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้เข้าร่วมงาน ทั้งเด็ก เยาวชน และผู้ปกครอง ที่เข้ามาร่วมสนุกและเรียนรู้เกี่ยวกับสิทธิของตนเอง
นางรสลิน โกแวร์ ผู้อำนวยการมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย กล่าวว่า
“เด็กที่ไม่มีสถานะทางกฎหมายหรือไร้สัญชาติ มักถูกจำกัดการเข้าถึงสิทธิพื้นฐาน เช่น การศึกษา การรักษาพยาบาล และการคุ้มครองทางสังคม ซึ่งล้วนเป็นสิ่งจำเป็นต่อการเติบโตอย่างสมบูรณ์ มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทยจึงมุ่งมั่นผลักดันให้เด็กทุกคนได้รับสถานะและสัญชาติอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ผ่านการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งในระดับพื้นที่และระดับนโยบาย
วันนี้ เด็กหลายคนได้ก้าวข้ามข้อจำกัดนั้น และได้รับบัตรประชาชนเป็นครั้งแรก ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสู่การเข้าถึงสิทธิและโอกาสในชีวิต มูลนิธิศุภนิมิตฯ ขอแสดงความยินดีกับเด็กทุกคน และหวังว่าจะสามารถขยายโอกาสนี้ไปยังเด็กอีกจำนวนมากที่ยังรอคอย
มูลนิธิศุภนิมิตฯ จะยังคงเดินหน้าเพื่อให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษา มีสุขภาพดี ปลอดภัยจากความรุนแรง และมีส่วนร่วมในสังคมอย่างเต็มที่ เพราะเราเชื่อว่าเด็กทุกคนควรได้รับโอกาสในการเติบโตอย่างมีคุณภาพและมีอนาคตที่ดี”
หนึ่งในเสียงสะท้อนจากผู้ได้รับบัตรประชาชน นางสาวพรทิพย์ นักศึกษาระดับปริญญาตรีจากจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า
“กว่าหนูจะได้รับการลงรายการสัญชาติไทย หนูต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน หนูตื่นเต้นทุกขั้นตอนค่ะ ลุ้นตลอดว่าจะผ่านไหม จะมีเอกสารอะไรติดขัดอีกหรือเปล่า แต่พอได้รับบัตรจริง ๆ มันคือความดีใจที่อธิบายไม่ถูกเลยค่ะ มันคือก้าวสำคัญในชีวิต หนูอยากขอบคุณทุกหน่วยงาน ที่ช่วยให้หนูเข้าถึงสิทธิที่ควรได้รับ และโดยเฉพาะมูลนิธิศุภนิมิตฯ ที่เข้ามาช่วยในช่วงเวลาสำคัญ ทำให้หนูได้รับบัตรประชาชนเร็วขึ้น”
นางสาววารินทิพย์ นักศึกษาระดับปริญญาตรีจากจังหวัดเชียงใหม่ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า
“หนูรู้สึกดีใจมาก เหมือนเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต ทำให้หนูมีทางเลือกในชีวิตมากขึ้น ทั้งเรื่องการรักษาพยาบาล การศึกษา และการขอทุนจากหน่วยงานต่าง ๆ เพราะก่อนหน้านี้การถือสถานะรหัส G ทำให้สิทธิต่าง ๆ แคบลงและจำกัดกว่าคนทั่วไป หนูอยากเป็นพยาบาล การได้บัตรเลข ‘00’ ทำให้การประกอบอาชีพนี้ไม่ซับซ้อน และเปิดโอกาสมากขึ้น หากยังถือสถานะรหัส G สิทธิและทางเลือกในชีวิตจะน้อยกว่า
หนูขอขอบคุณพี่ ๆ และทุกหน่วยงานที่ช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นมูลนิธิศุภนิมิตฯ องค์การแพลนฯ (Plan International Thailand)หรือหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทุกความช่วยเหลือมีความหมายและเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญมากในชีวิตหนู ขอบคุณมากค่ะ”
การได้รับบัตรประชาชนไม่เพียงเป็นการยืนยันตัวตนทางกฎหมาย แต่ยังเป็นการเปิดประตูสู่สิทธิขั้นพื้นฐานที่ทุกคนควรได้รับอย่างเท่าเทียม โดยเฉพาะสิทธิด้านสาธารณสุข ผู้ที่ได้รับบัตรจะสามารถเข้าร่วมระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เข้ารับการรักษาพยาบาลโดยไม่ถูกปฏิเสธ ลดภาระค่าใช้จ่าย และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ทั้งในกรณีทั่วไปและภาวะฉุกเฉิน
นอกจากนี้ ยังสามารถเข้าถึงบริการอื่น ๆ เช่น การศึกษา การจ้างงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย การเดินทาง การทำธุรกรรมทางการเงิน และการขอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐในยามจำเป็น สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงยกระดับคุณภาพชีวิตของบุคคล แต่ยังช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ทำให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมั่นคงและมีศักดิ์ศรีในฐานะสมาชิกที่เท่าเทียมของสังคมไทย
นี่คือส่วนหนึ่งของความสำเร็จที่มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทยได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุน แต่ภารกิจของเรายังไม่สิ้นสุด มูลนิธิศุภนิมิตฯ ขอยืนยันเจตนารมณ์ในการร่วมผลักดันการแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลอย่างเป็นระบบ เพื่อให้เด็กทุกคนในประเทศไทยได้รับการคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างเท่าเทียม และมีโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน