‘เราไม่ควรให้ปลาแก่เขา แต่ควรจะให้เบ็ดตกปลาและสอนให้รู้จักวิธีตกปลาจะดีกว่า’ คำสอนนี้สะท้อนถึงการช่วยเหลือที่แท้จริงไม่ใช่การแก้ปัญหาชั่วคราว แต่เป็นการสร้างโอกาสที่ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับเรื่องราวของผู้อุปการะของมูลนิธิศุภนิมิตฯ ท่านหนึ่งที่ใช้เวลา 25 ปี ในการพิสูจน์ว่าการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตได้จริง
จุดเริ่มต้นจากคำแนะนำที่เปลี่ยนชีวิต ย้อนกลับไปเมื่อ 25 ปีก่อน คุณสว่างจิตร์ ไตรเจริญวิวัฒน์ (คุณจือ) เล่าว่า “เริ่มจากน้องสาวแนะนำค่ะ ตอนนั้นมีบริจาคอยู่แล้วหลายแห่ง แต่รู้สึกว่าเด็กควรได้รับการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ให้ครั้งเดียวแล้วจบ” คำพูดนี้กลายเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของคุณจือ ที่ทำให้เธอมองเห็นความแตกต่างระหว่างการบริจาคทั่วไปกับการอุปการะเด็ก การบริจาคอาจทำได้ครั้งเดียว แต่การอุปการะเด็กต้องใช้เวลาและความต่อเนื่อง “ถ้าเด็กที่มาจากครอบครัวยากไร้ การให้ครั้งเดียวไม่สามารถทำให้อยู่ได้ หรือสามารถเรียนหนังสือจนจบ” เธอเล่าต่อ คุณจือเข้าใจดีว่าเด็กที่มาจากครอบครัวยากไร้ต้องการการสนับสนุนที่ต่อเนื่อง ไม่ใช่เพียงแค่ความช่วยเหลือชั่วคราว นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เธอตัดสินใจเข้าร่วมโครงการอุปการะเด็กกับมูลนิธิศุภนิมิตฯ
ตลอด 25 ปี คุณจือได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตเด็ก ๆ ที่อยู่ในความอุปการะ สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกประทับใจที่สุดคือการได้รับข้อมูลอัปเดตและจดหมายจากเด็กอย่างสม่ำเสมอ “ชอบที่มีการอัปเดตข้อมูลเด็กอย่างสม่ำเสมอ ทั้งเรื่องการเรียน ส่วนสูง น้ำหนัก และยังมีจดหมายจากเด็ก ๆ ที่เขียนมาเล่าเรื่องราวต่าง ๆ อย่างจริงใจ” จดหมายเหล่านี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นพัฒนาการทางร่างกาย แต่ยังสะท้อนการเติบโตทางความคิดและการศึกษาอีกด้วย
หนึ่งในเรื่องราวที่คุณจือไม่เคยลืมคือจดหมายจากเด็กคนหนึ่งที่เธอติดตามมาตั้งแต่ยังเด็ก “มีน้องคนหนึ่งเขียนมาว่า ‘สูงขึ้นมาก’ แสดงว่าได้รับอาหารดีขึ้น และยังช่วยพ่อแม่ทำงานด้วย เขียนจดหมายยาวและละเอียดมาก ทำให้รู้สึกว่าเขาเติบโตขึ้นจริง ๆ” ยิ่งไปกว่านั้นการเห็นพัฒนาการจากการเขียน กอ ไก่ ขอ ไข่ ในปีแรก ๆ อาจจะดูไม่เป็นคำนัก เขียนไปลบไป จนสามารถเขียนจดหมายเต็มหน้ากระดาษได้ ทำให้คุณจือเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าความช่วยเหลือของเธอกำลังสร้างผลเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง “เราสังเกตจากการเขียนจดหมายในปีต่อ ๆ มา เขาเขียนได้ดีขึ้น แสดงว่าพัฒนาการทางด้านการศึกษาเขาดีขึ้นเรื่อย ๆ จากครึ่งหน้าเป็นเต็มหน้ากระดาษ การเขียนมันสะท้อนถึงพัฒนาการ ถึงกระบวนความคิดของเขา”
ครั้นถามถึงเหตุผลของการช่วยเหลือเด็กเปราะบางยากไร้ คุณจือเล่าด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ประเทศเรายังมีคนยากไร้เยอะ การพัฒนาประเทศต้องเริ่มจากครอบครัว” เธอเชื่อมั่นว่าการพัฒนาประเทศที่แท้จริงต้องเริ่มต้นจากการสร้างครอบครัวที่มั่นคง เด็กที่เติบโตในสภาพแวดล้อมที่ดีจะมีโอกาสเติบโตเป็นคนดีที่สร้างประโยชน์ให้สังคมต่อไป “ถ้าเด็กเติบโตในครอบครัวที่อบอุ่น มีความมั่นคงเป็นพื้นฐาน เขาจะมีโอกาสเติบโตเป็นคนดีได้ การช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องจึงสำคัญมาก”
กว่า 2 ทศวรรษที่ผ่านมาทำให้คุณจือยิ่งเชื่อมั่นในความสำคัญของการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องจากครอบครัวสู่สังคม เธอเข้าใจว่าการช่วยเหลือเด็กไม่ใช่เพียงแค่ตัวเด็กคนเดียว แต่ต้องครอบคลุมถึงครอบครัวและชุมชนด้วย “สังคมที่ดีเริ่มจากครอบครัว ถ้าครอบครัวดี ชุมชน หมู่บ้านมีสิ่งที่ดีๆ เด็กก็จะเติบโตในสิ่งแวดล้อมที่ดี”
เมื่อเดือนมิถุนายน 2025 ที่ผ่านมา คุณจือได้รับเชิญเข้าร่วมงาน ‘ขอบคุณจากใจ ก้าวไปด้วยกัน เพื่อสร้างสรรค์การเปลี่ยนแปลง’ เพื่อแสดงความขอบคุณผู้อุปการะที่สนับสนุนการดำเนินงานโครงการอุปการะเด็กมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 10, 15, 20 และ 25 ปี คุณจือเล่าถึงความรู้สึกอย่างตื่นเต้นว่า “แปลกใจเหมือนกันว่า 25 ปีแล้วเหรอ? เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ ดีใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการให้ แม้ไม่มากนัก แต่ภูมิใจและมีความสุขที่ได้อยู่ตรงนี้”
ความภูมิใจของเธอไม่ได้มาจากการให้ในจำนวนที่มาก แต่มาจากการได้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างโอกาสให้เด็ก ๆ ให้มีชีวิตที่ดีขึ้น สิ่งที่ทำให้คุณจือรู้สึกประทับใจมากที่สุดคือการได้เห็นผลลัพธ์ที่ยั่งยืนจากการช่วยเหลือ “วันนี้เด็กคนหนึ่งในงานเล่าให้พี่ฟังว่าบ้านเขาได้ไก่พันธุ์ไข่จากมูลนิธิศุภนิมิตฯ จนตอนนี้ครอบครัวยังเก็บไข่ขายเป็นรายได้เสริม ตัวเด็กเองก็รู้วิธีการเลี้ยง วิธีการขาย ถือว่าเป็นการสร้างอาชีพตั้งแต่เด็ก” ยิ่งเห็นได้ชัดว่าการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องไม่เพียงแต่ช่วยให้เด็กได้รับการศึกษา แต่ยังสร้างทักษะชีวิตที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง
บทสัมภาษณ์ช่วงสุดท้าย คุณจือได้ฝากข้อความกำลังใจถึงเด็ก ๆ ที่อาจกำลังเผชิญกับความยากลำบากด้วยความรักและความห่วงใย “ทุกคนมีวันที่เหนื่อยหรือท้อได้ค่ะ มีความลำบากไม่ทางกายก็ทางใจ ไม่ว่าจะมีคนคอยช่วยเหลือหรือไม่อย่างไร ขอให้ตั้งเป้าหมายไว้ แล้วเดินหน้าต่อไป ความท้อมีได้ ไม่เป็นไร แต่อย่าท้อแท้ ทำตัวให้เป็นคนดี และเชื่อมั่นในสิ่งที่ได้รับการสั่งสอนมา ไม่ว่าจะจากครอบครัวหรือโรงเรียน ความพยายามจะพาเราไปถึงจุดหมายได้แน่นอน”
การเดินทาง 25 ปีของคุณจือกับน้องสาว สอนให้เราเห็นว่าการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องไม่เพียงแต่เปลี่ยนแปลงชีวิตเด็ก ๆ แต่ยังสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนให้กับสังคมไทย เป็นดั่งแสงสว่างที่ชี้ให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงเกิดขึ้นได้ผ่านการให้ที่ต่อเนื่อง และเต็มไปด้วยความรักที่สามารถสร้างโอกาสและเปลี่ยนแปลงชีวิตของเด็กอย่างครบบริบูรณ์